SCT Printing House

โรงพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์

OFFSET PRINTING

โรงพิมพ์ออฟเซ็ท

โรงพิมพ์ เอสซีที อินเตอร์พริ้น รับพิมพ์สิ่งพิมพ์ระบบออฟเซ็ท และออฟเซ็ทยูวี ทุกชนิด

การพิมพ์ระบบออฟเซ็ท (Offset Printing) เป็นการพิมพ์พื้นราบ(ชนิดแผ่น) ที่ใช้หลักการน้ำกับน้ำมันไม่รวมตัวกัน โดยสร้าง เยื่อน้ำไปเกาะอยู่บนบริเวณไร้ภาพของแผ่นแม่พิมพ์(เพลทแม่พิมพ์) เมื่อรับหมึกพิมพ์ หมึกพิมพ์จะไม่เกาะน้ำแต่จะไปเกาะบริเวณ ที่เป็นภาพ แล้วถูกถ่ายลงบนผ้ายางและกระดาษ ส่วนการพิมพ์ออฟเซ็ทยูวี(Offset UV Print)นั้น จะมีลักษณะเหมือนกัน แต่ต่างกันเฉพาะ หมึกพิมพ์และ ระบบที่ทำให้สีหมึกพิมพ์แห้ง โดยใช้สีหมึกพิมพ์ยูวี และการทำให้แห้งต้องผ่านหลอดUV

เพื่อให้สีให้ทันที และการพิมพ์ ระบบออฟเซ็ทยูวีนั้น เราควรจะต้องเคลือบเงาหรือด้านเสริมทุกครั้ง เพราะสีที่ผ่านหลอดUVจะดูแห้งๆ ดังนั้นเราจึงต้องเคลือบเสริม อีกขั้นตอนนึงครับ การพิมพ์ออฟเซ็ทนั้น สามารถผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง รายละเอียดคมชัดสวยงาม เครื่องพิมพ์มีหลายขนาด มีทั้งขนาด ตัด 4 ประมาณ 25 x 18 นิ้ว เครื่องตัด 2 ขนาดประมาณ 25 x 36 นิ้ว มีทั้งเครื่องพิมพ์ 1 สี 2 สี 4 สี 5 สี หรือมากกว่านั้น ส่วนใหญ่งานพิมพ์ออฟเซ็ทจะพิมพ์สิ่งพิมพ์ประเภท พิมพ์แผ่นพับ พิมพ์ใบปลิว พิมพ์สติกเกอร์ พิมพ์ฉลากสินค้า พิมพ์แคตตาล็อก พิมพ์โบรชัวร์ พิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษ พิมพ์ถุงกระดาษ ฯลฯ

ประวัติการพิมพ์ระบบออฟเซ็ท

ออฟเซ็ท หรือ การพิมพ์พื้นราบเรียบชนิดแผ่น มีต้นกำเนิดจากการพิมพ์ด้วยการค้นพบของ อลัวส์เซเนเฟลเดอร์(Alois nefelder) ด้วยการใช้แท่งไขมันเขียนลงบนแผ่นหินขัดเรียบ และใช้น้ำบางๆ หรือความเปียกชื้น ลงไปปกคลุมพื้นที่ซึ่งไม่ต้องการให้เกิดภาพ ก่อนแล้วจึงคลึงหมึก ตามลงไปไขมันที่เขียนเป็นภาพจะรับหมึก และผลึกดันน้ำและน้ำก็ผลักดันหมึกมิให้ปนกันเมื่อนำกระดาษไปทาบ และใช้น้ำหนักกดพิมพ์ลงไปพอควร กระดาษนั้นจะรับและถ่ายโอนหมึกที่เป็นภาพจากแผ่นหิน ปัจจุบันการพิมพ์ระบบพื้นราบ ที่รู้จักกันในนามพิมพ์หิน ได้พัฒนาจากการใช้คนดึงแผ่นหินที่หนาและหนักมากกลับไปกลับมา ในยุคแรกๆการ พิมพ์ พิมพ์ได้ชั่วโมงละไม่กี่แผ่น

การพิมพ์ ออฟเซ็ท ได้มีความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเป็นลำดับ จากการใช้แรงคนในการพิมพ์ เปลี่ยนเป็น เครื่องจักรไอน้ำ และจากเครื่องจักรไอน้ำ เป็นเครื่องยนต์พร้อมกับเปลี่ยนลักษณะของแผ่นภาพพิมพ์จากหินเป็นโลหะที่บาง เบาสามารถโค้ง โอบรอบได้ (เพลทแม่พิมพ์)และได้ใช้เป็นผืนผ้ายาง (rubber printing) กระดาษหรือวัสดุงานที่จะพิมพ์จะไม่สัมผัสกับแม่พิมพ์เพลท(plate cylinder) โดยตรง แต่จะอยู่ในระหว่างโมผ้ายาง (blandet cylinder)กับโมกดพิมพ์ (imoression cylinder) ชื่อของวิธีนี้ เคยเรียกเมื่อเริ่มแรกว่า ''ลิโธกราฟี'' (Lithography) อันเป็นภาษากรีก ที่มีความหมายว่าเขียนบนหิน ได้เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมคำว่า เซตออฟ (set-off) หรือ ''ออฟเซต'' (offset) ซึ่งหมายถึงการพิมพ์ได้รับหมึกจากแม่พิมพ์ไปหมดแต่ละแผ่น แล้วเตรียมรับหมึกพิมพ์ในแผ่นต่อไป ชื่อของวิธีพิมพ์นี้จึงเรียกว่า ''ออฟเซตลิโธกราฟี''(offset lithography) ในปัจจุบันสามารถพิมพ์ลงบนวัสดุพิมพ์ หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น กระดาษผิวหยาบ พลาสติก ผ้าแพร หรือแผ่นโลหะ

ระบบการพิมพ์ออฟเซ็ท (Offset) เป็นระบบการพิมพ์ที่ใช้กันมากที่สุดทั่วโลกในปัจจุบัน เพราะมีความคมชัดสวยงามคุณภาพสูง มีความละเอียดมาก การออกแบบอาร์ตเวิร์ค ไม่ว่าจะออกแบอย่างไร การพิมพ์ก็ไม่ยุ่งยากมากจนเกินไป ประกอบกับความก้าวหน้า ในการทำเพลทแม่พิมพ์ และการแยกสี เพื่อออกฟิล์ม และ เพลทแม่พิมพ์ ซึ่งในปัจจุบันทำให้ยิ่งพิมพ์จำนวนมากเท่าไหร่ก็จะยิ่ง ถูกลงมากเท่านั้น สิ่งพิมพ์และจำนวนพิมพ์ ที่จะพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ทควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

1.มีจำนวนใบพิมพ์ตั้งแต่ 500 ใบพิมพ์ขึ้นไป
2.มีภาพประกอบหรืองานประเภท กราฟฟิคสูง ภาพเหมือนจริง ภาพถ่าย ความละเอียดสูง3.ต้องการความรวดเร็วในการพิมพ์จำนวนเยอะๆ 1 ชั่วโมงสามารถพิมพ์ได้ 5,000-1,0000 ใบพิมพ์
4.ต้องการความละเอียดสูง สีสวย คมชัด สวยงาม สอดสีไล่โทนสีสวยงาม
5.เป็นการพิมพ์หลายสี สามารถทำได้ตั้งแต่ 1 สี ถึง 4 สี + สีพิเศษ หรือภาพสีที่ต้องการความสวยงามมากๆ
6.มีอาร์ตเวิร์ครูปแบบ ที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อนมาก รายละเอียดค่อยข้างเยอะ ตัวหนังสือเล็กมาก
7.มีงบประมาณในการจัดพิมพ์เพียงพอ เพราะระบบพิมพ์ออฟเซ็ท จะมีต้นทุกการตั้งเครื่องสูง เช่นค่าเพลทแม่พิมพ์ ค่าบล็อกไดคัท ค่ากระดาษตั้งเครื่องพิมพ์ แต่ถ้าจำนวนเยอะๆจะค่อนข้างถูกกว่าระบบพิมพ์ระบบอื่นหลายเท่า